บทนำ

ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์เชิงภาษากลายเป็นเครื่องมือสำคัญในชีวิตประจำวัน การสื่อสารกับโมเดลภาษา (Large Language Models: LLMs) ไม่ได้ขึ้นอยู่เพียงแค่ “สิ่งที่เราถาม” แต่ยังรวมถึง “ภาษาที่เราเลือกถาม” ด้วย งานวิจัยล่าสุดชี้ชัดว่า การเขียน prompt เป็นภาษาอังกฤษมักให้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูงกว่าการใช้ภาษาท้องถิ่น แม้แต่ในโมเดลที่อ้างว่าเป็น multilingual อย่างไรก็ตาม ความจริงนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ลึกซึ้งกว่า นั่นคือความเหลื่อมล้ำทางภาษาในระบบ AI และความจำเป็นที่ประเทศไทยจะต้องเร่งพัฒนา LLM ของตนเองเพื่อคงไว้ซึ่งอธิปไตยทางเทคโนโลยีและวัฒนธรรม

human versus ia concept

ภาษาอังกฤษ: ศูนย์กลางของ LLMs

งานวิจัยล่าสุดจำนวนมากได้ยืนยันตรงกันว่า แม้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) จะถูกออกแบบให้รองรับหลายภาษา แต่ภาษาอังกฤษยังคงทำงานได้ดีกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

  1. Mondshine, Paz-Argaman และ Tsarfaty (2025)
    งานวิจัย Beyond English: The Impact of Prompt Translation Strategies across Languages and Tasks in Multilingual LLMs ศึกษาเปรียบเทียบการใช้กลยุทธ์การแปล prompt ใน 35 ภาษาและ 4 งานหลัก พบว่า selective pre-translation หรือการแปลเพียงบางส่วนของ prompt เป็นภาษาอังกฤษ มักให้ผลลัพธ์เหนือกว่าการใช้ภาษาต้นกำเนิดโดยตรงอย่างต่อเนื่อง (Mondshine et al., 2025) arXiv:2502.09331
  2. Goldman และคณะ (2025)
    งาน ECLeKTic: a Novel Challenge Set for Evaluation of Cross-Lingual Knowledge Transfer นำเสนอ benchmark ใหม่เพื่อทดสอบความสามารถของ LLMs ในการถ่ายทอดความรู้ข้ามภาษา ผลการวิจัยชี้ว่า แม้โมเดลที่ทันสมัยที่สุดก็ยังมีข้อจำกัดอย่างมากเมื่อถูกถามในภาษาที่แตกต่างจากภาษาที่ใช้ฝึก (Goldman et al., 2025) arXiv:2502.21228
  3. Blum และคณะ (2025)
    งาน Beyond the Rosetta Stone: Unification Forces in Generalization Dynamics ศึกษากลไกการจัดเก็บและการรวมตัวของความรู้ใน LLMs พบว่าความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ข้ามภาษาขึ้นอยู่กับระดับการ “รวม” (unification) ของข้อมูล หากโมเดลไม่สามารถรวมความรู้จากภาษาต่าง ๆ เข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็มีแนวโน้มที่จะสร้างคำตอบผิดพลาด (Blum et al., 2025) arXiv:2508.11017
  4. Qi, Fernández และ Bisazza (2023)
    งาน Cross-Lingual Consistency of Factual Knowledge in Multilingual Language Models ตรวจสอบ “ความสอดคล้องของความรู้เชิงข้อเท็จจริง” ระหว่างภาษาใน LLMs พบว่าโมเดลมีแนวโน้มที่จะไม่สามารถรักษาความถูกต้องของข้อมูลได้อย่างสม่ำเสมอเมื่อต้องเปลี่ยนภาษา แม้จะเป็นข้อเท็จจริงเดียวกันก็ตาม (Qi et al., 2023) arXiv:2310.10378

การค้นพบจากงานวิจัยทั้งสี่ชิ้นนี้สะท้อนข้อเท็จจริงร่วมกันว่า ภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นเพียง “หนึ่งในหลายภาษา” ที่โมเดลเรียนรู้ แต่กลับทำหน้าที่เป็น “โครงสร้างแกนกลาง” ของการคิดและการประมวลผลของ LLMs ในปัจจุบัน

Futuristic AI processor labeled LLM glowing on a circuit board symbolizing advanced neural

ความไม่สมดุลของข้อมูลและการเรียนรู้

สาเหตุสำคัญที่ภาษาอังกฤษเหนือกว่าอยู่ที่ปริมาณและคุณภาพของข้อมูล ตัวอย่างเช่น ฐานข้อมูล Common Crawl ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลหลักที่ใช้ในการฝึก LLMs มีข้อมูลภาษาอังกฤษมากถึงราว 44% ขณะที่ไม่มีภาษาใดเกิน 6% นอกจากนี้ เว็บไซต์ทั่วโลกที่ตรวจสอบได้กว่า 49% ใช้ภาษาอังกฤษ แม้ว่าผู้พูดภาษาอังกฤษเป็นเจ้าของภาษาจะมีจำนวนน้อยกว่าภาษาจีนเสียอีก

ไม่เพียงเท่านั้น กระบวนการ reinforcement learning with human feedback (RLHF) ซึ่งใช้ปรับแต่งพฤติกรรมโมเดลก็มักดำเนินการโดยผู้ประเมินที่พูดภาษาอังกฤษ แนวทางความปลอดภัยและจริยธรรมที่ถูกออกแบบสำหรับโมเดลก็ล้วนสร้างขึ้นในบริบทภาษาอังกฤษ ทำให้โมเดลจำนวนมากไม่เพียงแต่ “เก่งภาษาอังกฤษ” แต่ยัง “คิดแบบภาษาอังกฤษ” โดยโครงสร้าง

ผลกระทบต่อผู้ใช้ภาษาท้องถิ่น

ความเหลื่อมล้ำทางภาษานี้ส่งผลโดยตรงต่อผู้ใช้ทั่วโลก

  1. ข้อจำกัดในการเข้าถึง – ผู้ใช้ที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษไม่สามารถเข้าถึงความสามารถเชิงลึกของ AI ได้เต็มที่
  2. คุณภาพการตอบสนองต่ำกว่า – แม้ถามด้วยภาษาแม่ โมเดลก็มักตีความผ่านกรอบภาษาอังกฤษก่อน ทำให้คำตอบแฝงสมมติฐานทางวัฒนธรรมแบบตะวันตก
  3. การขาดเทคนิคขั้นสูง – กลยุทธ์การเขียน prompt ที่ก้าวหน้า มักถูกเผยแพร่ในภาษาอังกฤษ ทำให้ผู้ใช้ภาษาอื่นเสียเปรียบ

สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิด “ช่องว่างทางดิจิทัล” รอบใหม่ ที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตหรืออุปกรณ์ แต่ขึ้นอยู่กับ ภาษา ที่เราพูดและเขียน

Muay Thai yellow sacred symbol background

บทเรียนสำหรับประเทศไทย: ทำไมเราต้องมี LLM ภาษาไทย

เพื่อลดช่องว่างนี้ หลายประเทศในเอเชียได้พัฒนาโมเดลภาษาของตนเอง จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ต่างมี LLMs ที่รองรับภาษาท้องถิ่น ในภูมิภาคอาเซียนก็มีการเคลื่อนไหวอย่างเข้มข้น รายงานของ Carnegie Endowment (2025) แสดงให้เห็นว่าประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มมี LLMs เป็นของตัวเองอย่างต่อเนื่อง

การมี LLM ภาษาไทยไม่เพียงเป็นเรื่องเทคนิค แต่ยังเป็นเรื่องของความมั่นคงทางวัฒนธรรมและข้อมูล หากประเทศไทยพึ่งพาเพียงโมเดลต่างประเทศ ย่อมมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียอัตลักษณ์ทางภาษา รวมถึงการไหลออกของข้อมูลสำคัญสู่ต่างประเทศ

สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ได้ออกแนวทางการกำกับดูแล AI ของไทย โดยเสนอให้ใช้ “soft-law” หรือแนวปฏิบัติแทนการออกกฎหมายที่แข็งตัว เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการสนับสนุนนวัตกรรมและการป้องกันความเสี่ยง แนวทางนี้เหมาะสมกับช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา LLM ภาษาไทย ที่ยังต้องการความยืดหยุ่นและการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน

Traditional Thai Architecture and Mythical Guardian Illustration

บทสรุป

งานวิจัยระดับนานาชาติยืนยันตรงกันว่า ภาษาอังกฤษยังคงเป็นภาษาหลักในการทำงานของ LLMs ไม่ว่าจะเป็นในเชิงคุณภาพการตอบสนอง ความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ หรือการตัดสินใจเชิงโครงสร้าง ข้อเท็จจริงนี้สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำทางภาษาในระบบ AI สมัยใหม่

สำหรับประเทศไทย แม้ในระยะสั้น ผู้ใช้ภาษาไทยอาจยังจำเป็นต้องใช้ prompt ภาษาอังกฤษเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่ในระยะยาว การพัฒนา LLM ภาษาไทยคือกลยุทธ์ที่ขาดไม่ได้ ไม่เพียงเพื่อความเท่าเทียมในการเข้าถึงเทคโนโลยี แต่เพื่อรักษาอธิปไตยทางข้อมูลและวัฒนธรรมด้วย

ในโลกที่ภาษาเป็นประตูสู่อนาคตของ AI คำถามสำคัญคือ: เราจะยอมให้อนาคตของเราเขียนด้วยภาษาอื่น หรือจะสร้าง AI ที่พูดภาษาเดียวกับเราได้อย่างแท้จริง?

Auto Quotation

Get your new app price instantly

ChatX

Private GenAI Chatbot Solution

Talk To Data

Conversational BI with your DB

More on Service

Read insights and updates from our experts.