บริษัททําแอพ VS ฟรีแลนซ์ เมื่อธุรกิจต้องการพัฒนาแอปพลิเคชัน มักจะตั้งคําถามว่าควรจ้างบริษัทพัฒนาแอปมืออาชีพ หรือจ้างนักพัฒนาฟรีแลนซ์ แต่ละทางเลือกมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน บทความนี้จะกล่าวถึงข้อดีข้อเสียของทั้งสองฝ่าย เพื่อให้ธุรกิจสามารถเลือกได้อย่างเหมาะสม
Table of Contents
Toggleบริษัททําแอพ
ข้อดี
- มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
- สามารถบริหารโครงการและจัดการงานหลายอย่างได้พร้อมกัน
- มีทีมงานและกําลังคนเพียงพอ ทํางานได้รวดเร็ว
- มีกระบวนการทํางานและมาตรฐานในการพัฒนา
ข้อเสีย
- ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
- อาจยึดติดกับกระบวนการทํางานแบบเดิม ๆ
- การสื่อสารอาจทําได้ไม่คล่องแคล่วเท่าบุคคลเดียว
นักพัฒนาฟรีแลนซ์
ข้อดี
- ค่าใช้จ่ายต่ํากว่า
- ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนงานได้ง่าย
- สื่อสารได้โดยตรงและรวดเร็ว
- สามารถเน้นพัฒนาแอปตามความต้องการเฉพาะได้
ข้อเสีย
- อาจขาดประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
- ไม่มีกระบวนการหรือมาตรฐานในการทํางานที่ชัดเจน
- อาจจัดการโครงการขนาดใหญ่ได้ไม่ดีเท่าบริษัท
- ความเสี่ยงสูงหากนักพัฒนาคนนั้นไม่สามารถทํางานต่อได้
การตัดสินใจเลือกที่เหมาะสมกับธุรกิจ
- พิจารณางบประมาณ บริษัทมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
- พิจารณาประสบการณ์ที่ต้องการ บริษัทมีความเชี่ยวชาญมากกว่า
- พิจารณาความยืดหยุ่น นักพัฒนาอิสระปรับเปลี่ยนงานได้ง่ายกว่า
- พิจารณาความเร่งด่วน บริษัททํางานได้รวดเร็วกว่า
- พิจารณาขนาดโครงการ ถ้าใหญ่ควรใช้บริษัท
สุดท้ายแล้วการตัดสินใจขึ้นอยู่กับลักษณะและความต้องการของแต่ละธุรกิจ ทั้งสองฝ่ายต่างมีจุดแข็งจุดอ่อนแตกต่างกัน ธุรกิจควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านและเลือกในสิ่งที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้ได้แอปที่ตรงใจและมีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากการพิจารณาจากข้อดีข้อเสียแล้ว การเลือกระหว่างบริษัททําแอปพลิเคชันและนักพัฒนาอิสระยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ควรพิจารณา ดังนี้
ด้านงบประมาณ – บริษัททําแอปมักคิดค่าบริการสูงกว่านักพัฒนาอิสระ แต่อาจได้ผลงานที่มีคุณภาพและมาตรฐานกว่า
ด้านระยะเวลา – นักพัฒนาอิสระอาจส่งมอบงานได้เร็วกว่า แต่บริษัทมีกําลังคนมากกว่าจึงทํางานใหญ่ได้รวดเร็วกว่า
ด้านการสนับสนุน – บริษัทมีการบริการหลังการขายดีกว่า ส่วนนักพัฒนาอิสระอาจจํากัดตามสัญญา
ด้านความเชี่ยวชาญ – บริษัทมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน แต่อิสระมีความยืดหยุ่นสูงกว่า
ด้านการสื่อสาร – อิสระติดต่อสื่อสารได้โดยตรง แต่บริษัทมีช่องทางติดต่อมากกว่า
ดังนั้น ธุรกิจควรพิจารณาข้อดีข้อเสียแบบรอบด้าน รวมถึงปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ เพื่อให้ได้ตัดสินใจเลือกทางเลือกที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการมากที่สุด ซึ่งจะช่วยให้ได้แอปพลิเคชันที่มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจ