Table of Contents
Toggle- เคยไหม? คุณพูดอะไรไป แต่คนฟังกลับไม่เชื่อ หรือไม่ให้ความสนใจ?
- 1. ใช้หลัก “Mirroring” – การสะท้อนพฤติกรรมเพื่อสร้างความไว้วางใจ
- 2. ใช้หลัก “Commitment & Consistency” – ทำให้คนอยากทำตามสิ่งที่ตัวเองเคยพูดไว้
- 3. ใช้หลัก “Scarcity” – ทำให้คนรู้สึกว่า “ต้องรีบตัดสินใจ”
- 📌 สรุป 3 เทคนิคจิตวิทยาการพูดให้คนฟังคล้อยตาม
เคยไหม? คุณพูดอะไรไป แต่คนฟังกลับไม่เชื่อ หรือไม่ให้ความสนใจ?
พูดอย่างไรให้คนเชื่อ บางครั้งแม้คุณจะมีข้อมูลที่ดีและถูกต้อง แต่ถ้าสื่อสารผิดวิธี คนฟังก็อาจไม่คล้อยตามคุณ
ข่าวดีคือ!
คุณสามารถใช้ “หลักจิตวิทยา” เพื่อช่วยให้คำพูดของคุณทรงพลังขึ้น ทำให้คนฟังเชื่อมั่น คล้อยตาม และลงมือทำตามที่คุณต้องการ
วันนี้เรามาเรียนรู้ 3 เทคนิคจิตวิทยาการพูด ที่นักขาย นักเจรจา และผู้นำระดับโลกใช้กัน!
1. ใช้หลัก “Mirroring” – การสะท้อนพฤติกรรมเพื่อสร้างความไว้วางใจ
คนมักจะคล้อยตามคนที่ “เหมือนกัน” กับตัวเอง
หลักจิตวิทยานี้เรียกว่า “Mirroring” หรือ การสะท้อนพฤติกรรม” ซึ่งเป็นวิธีการทำให้คนรู้สึกเชื่อมโยงกับคุณโดย ลอกเลียนแบบบางส่วนของภาษากาย น้ำเสียง และคำพูดของเขา
✅ วิธีใช้ Mirroring เพื่อให้คนฟังเชื่อใจและคล้อยตาม
- สะท้อนภาษากาย → ถ้าคู่สนทนาเอนตัวไปข้างหน้า คุณก็เอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย
- สะท้อนโทนเสียง → ถ้าพวกเขาพูดช้าและนุ่มนวล ให้คุณลดโทนเสียงให้ใกล้เคียง
- ใช้คำพูดคล้ายกัน → ถ้าพวกเขาใช้คำว่า “อยากได้อะไรที่ใช้ง่าย” คุณก็ใช้คำว่า “สิ่งนี้ใช้งานง่ายแน่นอนครับ”
📌 ตัวอย่าง
❌ พูดด้วยน้ำเสียงที่ต่างไปจากคู่สนทนา เช่น ลูกค้าพูดช้า ๆ แต่คุณรีบพูดเร็วเกินไป
✅ ปรับน้ำเสียงให้คล้ายกับลูกค้า และใช้คำพูดเดียวกัน เช่น
ลูกค้า: “ผมอยากได้อะไรที่ง่าย ๆ ใช้ไม่ยุ่งยาก”
คุณ: “แน่นอนครับ รุ่นนี้ออกแบบมาให้ใช้ง่ายสุด ๆ ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย”
🔹 ผลลัพธ์: เมื่อคนรู้สึกว่า “คุณเหมือนกัน” กับพวกเขา พวกเขาจะเชื่อมั่นและคล้อยตามคุณได้ง่ายขึ้น
2. ใช้หลัก “Commitment & Consistency” – ทำให้คนอยากทำตามสิ่งที่ตัวเองเคยพูดไว้
คนมักอยากทำตามสิ่งที่ตัวเองเคยให้สัญญาไว้
มนุษย์มีแนวโน้มจะทำตาม สิ่งที่พวกเขาเคยพูดหรือแสดงออกไปแล้ว เพราะถ้าพวกเขาปฏิเสธ พวกเขาจะรู้สึกขัดแย้งกับตัวเอง
✅ วิธีใช้ Commitment & Consistency
- เริ่มด้วยคำถามที่ทำให้คนตอบ “ใช่” ก่อน เช่น “คุณเห็นด้วยไหมว่าการออกกำลังกายดีต่อสุขภาพ?”
- ทำให้พวกเขาตอบรับการกระทำเล็ก ๆ ก่อน เช่น “ลองสมัครใช้งานฟรีก่อนไหม?”
- เชื่อมโยงกับสิ่งที่พวกเขาเคยพูดไว้ เช่น “คุณบอกว่าอยากมีรายได้เพิ่มใช่ไหม? วิธีนี้อาจช่วยคุณได้”
📌 ตัวอย่าง:
❌ “ซื้อคอร์สนี้เลยครับ มันช่วยคุณได้แน่นอน” (แรงเกินไป คนฟังอาจต่อต้าน)
✅ “คุณเคยบอกว่าอยากพัฒนาตัวเองใช่ไหม? คอร์สนี้อาจเป็นก้าวแรกของคุณ” (ทำให้คนฟังรู้สึกว่าควรทำต่อไป)
🔹 ผลลัพธ์: เมื่อคนรู้สึกว่าเคยให้สัญญาหรือแสดงจุดยืนไปแล้ว พวกเขาจะมีแนวโน้มทำตามสิ่งนั้นมากขึ้น
3. ใช้หลัก “Scarcity” – ทำให้คนรู้สึกว่า “ต้องรีบตัดสินใจ”
คนมักให้ค่ากับสิ่งที่มีจำกัด หรือหายากมากขึ้น
หลักจิตวิทยานี้ใช้ได้ดีมากในเรื่องการขาย การเจรจา และการกระตุ้นให้คนตัดสินใจเร็วขึ้น
✅ วิธีใช้ Scarcity ให้ได้ผล
- ใช้คำพูดที่สร้างความเร่งด่วน → “โอกาสนี้มีจำกัดนะครับ!”
- บอกว่ามีจำนวนจำกัด → “ตอนนี้เหลือที่นั่งเพียง 3 ที่สุดท้าย!”
- ใช้ข้อเสนอพิเศษที่หมดอายุเร็ว → “สมัครวันนี้รับส่วนลดพิเศษ หมดเขตเที่ยงคืนนี้!”
📌 ตัวอย่าง
❌ “คอร์สนี้เปิดรับเรื่อย ๆ นะครับ” (ลูกค้ารู้สึกไม่จำเป็นต้องตัดสินใจตอนนี้)
✅ “คอร์สนี้เปิดรับแค่ 50 คน และตอนนี้เหลือเพียง 5 ที่สุดท้าย” (กระตุ้นให้รีบตัดสินใจ)
🔹 ผลลัพธ์: เมื่อคนรู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการอาจหายไปเร็ว พวกเขาจะตัดสินใจเร็วขึ้น
📌 สรุป 3 เทคนิคจิตวิทยาการพูดให้คนฟังคล้อยตาม
✅ ใช้หลัก Mirroring – ทำให้คู่สนทนารู้สึกว่า “คุณเหมือนกัน” กับพวกเขา
✅ ใช้หลัก Commitment & Consistency – ทำให้คนอยากทำตามสิ่งที่พวกเขาเคยพูดไว้
✅ ใช้หลัก Scarcity – กระตุ้นให้คนรู้สึกว่าต้องรีบตัดสินใจ
💬 แล้วคุณล่ะ? เคยใช้หลักจิตวิทยาข้อไหนแล้วได้ผลบ้าง? คอมเมนต์มาแชร์กันเลย! 🚀